ผมนึกย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้วตอนลูกชายคนโตเกิด ความตื่นเต้นและยินดีของพ่อแม่ต่อลูกคนแรกทำให้ต้องถ่ายรูปลูกแทบทุกอิริยาบถ สมัยนั้นกล้องถ่ายรูปยังใช้ฟิล์ม จึงแทบหมดตัวกับค่าฟิล์มและล้างอัดรูปถ่าย วันหนึ่ง ๆ ต้องถ่ายรูปราว 2 ม้วน ม้วนละ 36 รูป เสียค่าอัลบั้มใส่รูปอีกต่างหาก พอลูกชายโตขึ้นหน่อยก็เริ่มถ่ายวีดิทัศน์เป็นหนังสีสวยพร้อมเสียง เวลาผ่านไปทยอยสะสมรูปถ่ายและวิดีโอไว้ไม่ใช่น้อย แต่ปัจจุบันผมสามารถบันทึกเก็บหลักฐานแห่งความภูมิใจเหล่านั้นไว้ได้ในแฟลชไดร์ฟเพียงอันเดียว
โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ เทคโนโลยีเอื้อให้เราสะสมข้อมูลอย่างต้องการ ภายใต้งบประมาณที่รับได้ ปัจจุบันเราสามารถซื้อหาฮาร์ดดิสก์พกพาที่มีความจุ 1,000 GB ในราคาถูกราว 2,500 บาทเท่านั้น ลองคำนวณคร่าว ๆ ว่า ถ้าผมถ่ายวีดิทัศน์ลูกชายตั้งแต่วันแรกที่เกิดเก็บสะสมทุกวัน วันละ 10 นาที จนเขามีอายุครบ 18 ปี ซึ่งคุณภาพของวิดีทัศน์ระดับดีพอใช้จะต้องใช้เนื้อที่ราว 8 MB สำหรับหนัง 1 นาที ผมแค่ใช้งานฮาร์ดดิสก์พกพาดังกล่าวแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามีเนื้อที่เก็บข้อมูลมากเท่าไร เราก็ใช้หมดในที่สุดครับ ท่านผู้อ่านลองดูเนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องโน้ตบุ๊กที่ได้มาใหม่สิครับ ใช้งานไม่เท่าไรเนื้อที่ก็เกือบเต็มทุกที ต้องตามลบออกเสมอ ตอนลบก็รู้สึกเสียดายทุกครั้งไป จะดีไหมครับถ้าเราพบว่าบนก้อนเมฆรอบ ๆ ตัวเราสามารถนำข้อมูลไปฝากเก็บไว้ได้ เทคโนโลยีของ Cloud Storage ปัจจุบันเอื้อให้เราทำเช่นนั้นได้ดั่งใจ และไม่เพียงเท่านั้นท่านยังสามารถแบ่งปันให้เพื่อนหรือคนรู้จักเข้าไปใช้ข้อมูลบนก้อนเมฆได้เป็นครั้งคราวถ้าต้องการ แนวคิดนี้ขยายผลต่อเข้าสู่องค์กรโดยมี Enterprise Cloud Service ที่พนักงานและทีมงานในองค์กรสามารถเข้าถึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น